08 กันยายน 2553

บันทึกจากชายผู้คิดแง่ลบ ตอนที่ 1 "ยอดมนุษย์ผู้พ่ายแพ้"

เขียนเมื่อวันพุธที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๓

จิตใจที่วุ่นวายกับคนรัก ระคนกับงานวิจัยระดับปริญญาโทที่ยังหาทางออกไม่เจอช่างรบกวนจิตใจเสียมากมาย ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่ไร้สาระและธรรมดามากๆ จะส่งผลอย่างยิ่งยวดต่อยอดมนุษย์ที่ผ่านสงครามความรักและความโหดร้ายของการทำงานอย่างทารุณเกือบจะสิบปีจนต้องระบายมาเป็นตัวอักษร

สิ่งที่บ่งบอกถึงความไม่ปกติของจิตใจในขณะนี้ ก็คือ

1. ความอยากอาหารลดลง ทำให้ไม่อยากกินอาหารมากเหมือนเก่า ผลก็คือสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 3 กิโลกรัมในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ (ขนาดทำงานอย่างหนักมา 3 ปี ยังไม่เคยลดได้มากขนาดนี้) แต่ตัวผมเองก็ไม่ได้ดูผอมลงนะ เพราะการลดอาหารโดยไม่ได้ออกกำลังกาย จะลดแต่น้ำหนัก แต่ร่างกายไม่เล็กลง

2. อ่านหนังสือธรรมมะและคิดมากขึ้น ซึ่งความจริงจังในการอ่านหนังสือธรรมมะของผมก็หายไปนานแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องสะดุด หรือกลุ้มใจจริงๆ ทางพระไม่มีทางเจอกับผมแน่ๆ แต่ว่าไม่ใช่ผมไม่อ่านนะ ผมอ่านมาตลอดแหละหนังสือธรรมมะน่ะ แต่ไม่ได้ใส่ใจนำมาปรับกับตนเองเหมือนอย่างนี้บทความนี้เพิ่งเขียนครั้งแรก

สุดท้ายนี้ยอดมนุษย์ผู้พ่ายแพ้ได้รับกำลังใจจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะเพื่อนผู้ช่วยเหลือ แต่ไม่รู้ว่ายอดมนุษย์ จะสามารถต่อสู้กับเหล่าอธรรมได้อีกนานหรือไม่ ข้อดีของยอดมนุษย์ผู้พ่ายแพ้นี้ ที่ผมภูมิใจมากที่สุดก็คือ การที่ผมสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าสามกิโลในรอบระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมานี้ สำหรับวันนี้ผมหมดมุกแล้ว เราอาจได้พบกันอีกในเร็วๆนี้ ถ้าผมยังไม่หายพ่ายแพ้

"แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป"
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องประสบกับโลกธรรม 8 คือได้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็ต้องมีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์เป็นธรรมดาหากเราสามารถเตือนสติตนเองได้ว่า "แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป" ก็จะช่วยให้เราทำใจเป็นกลางทำใจเป็นปกติได้ เมื่อความรู้สึกต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น หงุดหงิด โกรธ น้อยใจ เสียใจ ขี้เกียจ วิตกกังวล หรือมีความรู้สึกตื่นเต้น ยินดีพอใจก็ตาม
ให้เรามีสติ ปรับปรุงลมหายใจยาวๆ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ให้เกิดความรู้สึกตัว รักษาใจเป็นกลางๆ ทำใจสงบและทำใจปล่อยวางว่า “แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป” เมื่อมีทุกข์ ทุกข์นั้นไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนำความทุกข์นั้นมาเป็นกังวล เมื่อมีสุข สุขนั้นก็ไม่จีรังยั่งยืนเช่นกัน เราไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง


ตัดตอนบางส่วนมาจาก
หนังสือ โชคดี
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก



*เกี่ยวกับผู้เขียน ตอนนี้คนเขียนตอนนี้อายุ 31 ปี จะใกล้ 32 ปีแล้ว และยังไม่มีเมีย บทความนี้ถือเป็นงานเขียนแบบจริงจังเริ่มต้นก่อนที่จะเขียนเกี่ยวกับความคิดด้านลบต่อไป แต่ผมไม่ใช่คนหน้าใหม่ สำหรับผู้อ่านถ้าสังเกตจากวิธีการเขียน ที่ผสมด้วยความแดกดัน จะคุ้นกับบทความของผมเป็นอย่างดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น